วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553
สวัสดีปีใหม่ วันสงกรานต์
วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553
ด้วยความคิดถึง
ทำข้อสอบกันได้ไหมครับ
เป็นยังไงกันบ้าง
ไม่ได้สอนพวกเรา คิดถึงความรู้สึกดีๆ ตอนที่อยู่ในห้องเรียน
อาจารย์เดิน ผ่านเพื่อนๆเรา หลายคน และยังดีใจ ที่ทุกคน ยังแวะคุย ไหว้ เคาความเคารพ หรือไม่อย่างน้อยก็ยิ้มให้กัน
ยังไม่เจอใคร วิ่งหนี หรือไม่สบตา
ยังไง ก็ เล่าสู่กันฟังบ้างนะ
My Best Class of the Term (Actually of the year!!)
อยู่ตรงไหนหรือเธอ
หลับสบายดีหรือไรอยู่กับใครที่ไหน
รู้ไหมยังมีใครคิดถึงเธอ
สุดขอบฟ้าแสนไกล ส่งใจไปให้ถึงเธอ
อยากให้เธอรู้ไว้ ฉันขอเป็นส่วนหนึ่งของเธอ
* วันที่เธอร้อนรนจิตใจ วอนให้ลมพัดไปที่เธอ
ให้พัดเอาความรู้สึก ของฉันไปบอกเธอ
** บอกว่าฉันรักเธอห่วงเสมอทุกคราว
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
Reflection and Learning Experience
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วัน Valentine กับความรัก ที่ไม่ลับของผม
มันก็คือวันธรรมดาวันหนึ่งของผมแต่มีคุณค่าต่อจิตใจผมเหลือเกิน
ตื่นขึ้นมาก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่รักกันมาก บอกว่า ‘Happy Valentine’ แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
อยากบอกว่า “xxxx ผมดีใจที่ได้รู้จักคุณ ผมจะเป็นเพื่อนพิเศษของคุณตลอดไป”
เข้าไปมหาลัยกินข้าวกับเพื่อนร่วมงาน ที่เป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนช้อบ เพื่อนร่วมงาน
อยากบอกกับเธอว่า “xxx ผมขอบคุณสำหรับมิตรภาพ ผมจะรักษามันอย่างดี”
กลับมา เข้า office assign งานให้นักศึกษามาช่วยทำงาน นักศึกษาก็ช่วยอย่างเต็มที่
อยากบอกกับน้องว่า “xxx พี่ขอบคุณกับความตั้งใจกับงานที่ทำ’
ไปเดินดูหนังสือที่ศูนย์หนังสือ TU แวะร้านกาแฟ แม่ค้าคุย + บริการดีมาก
อยากบอกกับพี่แม่ค้าว่า “ขอบคุณนะครับกับการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม’
บ่ายแก่ๆ ไปเดินวัดพระแก้วกับเพื่อน
อยากบอกกับเค้าว่า ขอบคุณเวลาดีๆ กับเพื่อนร่วมทางดีๆ ครับ
นั่งเรือด่วนกลับมหาลัย เจอชาวต่างชาติแสนใจดี นั่งคุยไปตลอดทาง
อยากบอกกับเค้าว่า ‘It was nice talking to you”
ตอนเย็น ไปทานข้าวกับครอบครัว
อยากบอกกับพวกเค้าว่า ผมรักพ่อ รักแม่ครับ
ค่ำๆ คุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆ
อยากบอกกับพวกเค้าว่า ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดี
และวันนี้เข้ามาเขียนความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนๆ EC
อยากบอกกับทุกคนว่า ขอบคุณครับ มีความสุขกันถ้วนหน้านะครับ
.......................................................................
วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
หากเราได้รู้อะไรล่วงหน้า บางอย่าง เราจะ .....


หากเราได้รู้อะไรล่วงหน้า บางอย่าง เราจะเลือกทำ หรือเลือกที่จะไม่ทำหรือไม่ทำอะไรสักอย่างไหม
วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553
Time and Decision Making
วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553
ครู
วันนี้ตอนเช้า เห็นเพื่อนที่รู้จัก เขียนข้อความนี้ใน Face Book
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็จะมีคำถามว่าวันนี้วันอะไร และเด็กๆ ก็จะตอบว่าวันครู ซึ่งสงสัยมานานว่า ในเมื่อเป็นวันครู ทำไมครูไม่หยุดสอน เด็กจะได้ไม่ต้องมาโรงเรียน จนโตมาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่ไม่หยุดสอน เพราะวันนี้หวยออก ครูต้องมาเขียนโพย แทงหวยกันที่โรงเรียน"
รู้สึก ไม่ดีเลยกับความรู้สึกแบบนี้
จริงสินะ ครูก็คงเป็นคนที่ทำหน้าที่สอนหนังสือ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น จะต้องไปสนใจใส่ใจทำไม
บ่อยครั้ง ที่เจอเจอผู้เรียน เดินเข้าห้องเรียน หรือเดินออกจากห้องเรียน ตามใจ โดยอาจคิดว่า ฉันเป็นผู้ซื้อบริการของมหาวิทยาลัย ฉันคือลูกค้า เธอคือผู้ให้บริการ
เช่นกัน บางครั้งเจอผู้เรียน นอกชั้นเรียน ตัวผู้สอนจะถูกเมินเฉย หากเค้ามาเป็นกลุ่ม หรือมากับแฟนด้วยแล้ว ยิ่งจะทำราวเป็นอากาศธาตุในทันที ครูคงเป็นบุคลลที่น่าอับอายมากสินะ
ยังไงก็ตาม ผมมีชีวิต มาได้ถึงปัจจุบันนี้ เพราะมีครู หากไม่มีพวกเค้าเหล่านั้น ผมจะอยู่ที่ไหน เป็นอะไรนะ …ในวันนี้
วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553
…ถึงแม้ผมจะเลือกเดินไม่เหมือนใคร แต่ก็จะขอเลือกไปให้สุดเส้นทาง…
“ ดช.อธิปัตย์ คนอย่างเธอไม่มีทางเก่งภาษาอังกฤษไปได้หรอก “ นี่คือคำพูดของอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษในสมัยผมเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังจากที่ผมตอบคำถามอาจารย์ไม่ถูกต้อง ซึ่งคำตอบของผมคงเป็นคำตอบที่งี่เง่า ไม่เข้าท่าอย่างมากมาย จึงทำให้อาจารย์ผู้สอนถึงกับเอ่ยออกมาเช่นนั้น
ประโยคจากอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษในครั้งนั้น มันยังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แม้ครั้งแรกผมอาจจะอาย โกรธ หน้าชา และรู้สึกเสียหน้าพร้อมทั้งคิดว่าตัวเองโง่ และไม่มีความสามารถทางภาษาเอาเสียเลย แต่... หลังจากความรู้สึกเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมาก็จะจางหายไปในชั่วพริบตา เพราะประโยคนี้กลับกลายเป็นประโยคที่มีบุญคุณกับผมเหลือเกิน เพราะนี่คือ “ประโยคทอง” ในชีวิตของผมเลยทีเดียว ด้วยว่ามันสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กผู้ชายที่ไม่เรียนไม่เก่งคนหนึ่ง ให้มีแรงฮึด แรงบันดาลใจ หรืออะไรก็ตามที่สามารถทำให้ผมลุกขึ้นมาต่อสู้กับความเขลาของตัวเอง เพื่อลบคำสบประมาทจากอาจารย์ และใฝ่ฝันที่จะเป็น “ ครูสอนภาษาอังกฤษที่ดี “ ครูที่มีความรู้ เข้าใจศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน มีจิตวิทยา และทักษะในการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นเรื่องง่าย ๆ และเรียนรู้ได้สำหรับทุกคน
จุดเริ่มต้นในการตามความฝันของผม .. ไม่ง่ายเลย .. เพราะผมไม่ใช่เด็กเรียนดี ผมไม่เคยสอบได้ที่ 1 สอบเข้าเรียนโรงเรียนชายประจำจังหวัดก็ไม่ติด ฉะนั้น ผมจึงต้องทำอะไรเป็นสองเท่าเสมอ เพราะแม้ผมอาจจะไม่มีพรสวรรค์ แต่ผมก็ไม่ย่อท้อที่จะแสวงหาหนทางเพื่อให้ผมไปถึงฝัน ... ด้วยความตั้งใจจริงและมุ่งมั่น ทำให้ผมสอบเข้าโรงเรียนชายประจำจังหวัดระดับมัธยมปลายได้ และจากเด็กชายผู้ไม่เคยสอบได้ที่ 1 ไม่เคยมีใครมองเห็นความสามารถ ผมกลายเป็น “ New Pik “ เป็นคนใหม่ที่ไม่มีใครคาดถึง... ผมสอบได้ทุนแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม AFS ไปประเทศฮอนดูรัส แล้วกลับมาด้วยความมั่นใจ มีความรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และด้วยความที่ผมเกิดมาในครอบครัวที่เห็นความสำคัญของการเรียนและสนับสนุนผมในทุก ๆ อย่างที่สามารถทำได้ เมื่อน้าสาวชวนให้ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมจะไม่รีรอที่จะก้าวไปยังสถานีความฝันต่อไป
ผมกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยอีกครั้งหลังจากจบมัธยมปลายโดยได้รับรางวัล Outstanding Student Award ได้ศึกษาต่อสาขาภาษาอังกฤษและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (เกียรตินิยมอันดับ 1) โดยระหว่างเรียนผมไม่ได้เพิ่มทักษะทางวิชาการให้ตัวเองเท่านั้น แต่ผมเห็นความสำคัญของการเพิ่มทักษะชีวิตด้วย ผมจึงรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษตามบ้านและตามสถาบันต่าง ๆ ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ ขอเข้าเป็นนักศึกษาช่วยงาน TA สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี เป็นผู้ช่วยแม่ครัว เป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย และทำอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย เท่าที่เวลาผมจะอำนวย โดยไม่ให้เสียการเรียน เพราะนอกจากประสบการณ์ชีวิตที่ผมจะได้รับ การที่ผมบริหารเวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดนี้ยังหมายถึงรายได้ที่สามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกด้วย
“การวางแผนชีวิต “ เป็นอีกคุณสมบัติของผมที่ปฏิบัติเรื่อยมา เพราะผมคิดเสมอว่า “คนเราต้องมีเป้าหมายให้ชีวิต เพื่อที่วันใดเราเดินหลงทาง หรือเดินทางผิด เมื่อเรารู้ตัวเราจะได้เห็นทางเดินที่เราตั้งใจไว้ และกลับมาตามหาจุดหมายที่ฝันไว้อีกครั้ง “ แต่เป้าหมายของผมไม่เคยมีเพียงหนึ่งเดียว ผมมักมีเป้าหมายสำรองไว้เสมอ เพราะคติประจำใจที่ผมท่องไว้ตลอดเวลาคือ “Thing do not always turn out the way you plan…. “ ดังนั้นในระหว่างที่เรียนปริญาตรีที่ม.อุบล ผมจึงเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู และปริญญาตรี สาขาทฤษฎีและเทคนิคทางรัศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชควบคู่ไปด้วย
ความฝันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อผมเข้าเรียนในระดับปริญญาโท สาขาการสอนภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยรับทุนพัฒนาอาจารย์ระดับปริญญาโท – เอก ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ด้วยความประทับใจในสถาบัน วัฒนธรรมการทำงาน ความทุ่มเทต่องานสอนของอาจารย์ตลอดจนเนื้อหารายวิชาที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างพึ่งตนเองของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำให้ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันที่ทรงเกียรตินี้ ผมตัดสินใจสละสิทธิ์ทุนพัฒนาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำสอนวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มจธ.
การเดินทางรอบสุดท้ายของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อผมได้รับทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ จากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ผมตัดสินใจไปเรียนที่ University of Warwick ประเทศสหราชอาณาจักร การเรียนในระดับปริญญาเอก แตกต่างจากระดับปริญญาตรี และปริญญาโทมาก เนื่องจากหลักสูตรไม่บังคับให้เรียนรายวิชา course work ใดๆเลย แต่จะให้ผู้เรียนเริ่มงานวิจัยอย่างเต็มที่ ผมโชคดีมากที่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาที่เก่งและดี แม้ว่าจะได้พบอาจารย์ที่ปรึกษาเพียงเทอมละ 2-3 ครั้ง แต่ว่าท่านคอยให้กำลังใจเรื่องการเรียนเสมอ ท่านให้คำแนะนำเรื่องการนำเสนอผลงานในการประชุมนานาชาติ ตลอดจนการตีพิมพ์งานวิจัย
ในที่สุด วันนี้.. ผมได้กลับมาสอนนักศึกษาตามที่ผมฝันไว้ เป็น “ ดร.อธิปัตย์ บุญเหมาะ “ ที่ทำให้พ่อแม่ได้ภาคภูมิใจ ปัจจุบันรับผิดชอบสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานให้กับนักศึกษาปริญญาตรีคณะต่างๆ สอนวิชาการวิจัยให้กับนักศึกษาปริญญาโท เอกการสอนภาษาอังกฤษ และได้เป็นผู้ประสานงานหลักสูตรปริญญาโทหลักสูตร MA. IN ENGLISH for Professional and International Communication ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่คณะกำลังจะเปิดในปี 2553 นี้ นักศึกษาที่สนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://arts.kmutt.ac.th/sola/
หลายคน อาจคิดว่า ความฝันที่จะเป็นครูภาษาอังกฤษที่ดีของผมมันแปลกดี เพราะฝันแบบนี้คนส่วนใหญ่เค้าไม่ฝันกัน (ที่ได้ยินบ่อย ๆ คงหนีไม่พ้นฝันอยากเป็น นายแพทย์ วิศวกร ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ .. ) แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจไปได้ เพราะผมคิดเสมอว่า “ ถึงแม้ผมจะเลือกเดินไม่เหมือนใคร แต่ก็จะขอเลือกไปให้สุดเส้นทาง “... ผมจึงมีวันนี้...