วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

Time and Decision Making

เวลา กับ การตัดสินใจ

วันนี้ ปวดหัวมากตลอดทั้งวัน มีสอน LNG 102 สองกลุ่ม เช้าและบ่าย

แต่ก็โชคดีที่ ไม่ได้สอนอะไรมาก เพราะ คาบแรกเป็นการนำเสนอไวยากรณ์ และคาบที่สองเป็นการสอบย่อย

พอสอนกลุ่มบ่าย แล้วก็กลับบ้านทันที นอนหลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก

พอตื่น ก็ิิออกมา ที่ร้านกาแฟ เบล ตรงสวนหมาก

มีงานต้องทำเยอะเหลือเกิน ตรวจ Reading Kit เตรียมสอน ออกข้อสอบ อ่านงานลูกซุป ป โท

ชีวิต หนอ อยากพัก!!!!!!!!!

Time and Decision Making

I have a terrible headache all day today, but I have two groups of LNG 102 to teach.
Luckily, I didn't teach much because the first part was the students' presentation and the second part was a quiz. So, after finishing the afternoon class, I rushed back home. I went to sleep very quickly. When I woke up, I went to Bell's Coffee at Suan Maak.

There are a lot of works to do....... marking the Reading Kit, preparing lessons, designing exam papers, and reading my MA student's written work.

Life!!! Oh life..... I need to rest....

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

ครู

วันนี้ตอนเช้า เห็นเพื่อนที่รู้จัก เขียนข้อความนี้ใน Face Book

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็จะมีคำถามว่าวันนี้วันอะไร และเด็กๆ ก็จะตอบว่าวันครู ซึ่งสงสัยมานานว่า ในเมื่อเป็นวันครู ทำไมครูไม่หยุดสอน เด็กจะได้ไม่ต้องมาโรงเรียน จนโตมาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่ไม่หยุดสอน เพราะวันนี้หวยออก ครูต้องมาเขียนโพย แทงหวยกันที่โรงเรียน"

รู้สึก ไม่ดีเลยกับความรู้สึกแบบนี้

จริงสินะ ครูก็คงเป็นคนที่ทำหน้าที่สอนหนังสือ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น จะต้องไปสนใจใส่ใจทำไม

บ่อยครั้ง ที่เจอเจอผู้เรียน เดินเข้าห้องเรียน หรือเดินออกจากห้องเรียน ตามใจ โดยอาจคิดว่า ฉันเป็นผู้ซื้อบริการของมหาวิทยาลัย ฉันคือลูกค้า เธอคือผู้ให้บริการ

เช่นกัน บางครั้งเจอผู้เรียน นอกชั้นเรียน ตัวผู้สอนจะถูกเมินเฉย หากเค้ามาเป็นกลุ่ม หรือมากับแฟนด้วยแล้ว ยิ่งจะทำราวเป็นอากาศธาตุในทันที ครูคงเป็นบุคลลที่น่าอับอายมากสินะ

ยังไงก็ตาม ผมมีชีวิต มาได้ถึงปัจจุบันนี้ เพราะมีครู หากไม่มีพวกเค้าเหล่านั้น ผมจะอยู่ที่ไหน เป็นอะไรนะในวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

…ถึงแม้ผมจะเลือกเดินไม่เหมือนใคร แต่ก็จะขอเลือกไปให้สุดเส้นทาง…

“ ดช.อธิปัตย์ คนอย่างเธอไม่มีทางเก่งภาษาอังกฤษไปได้หรอก “ นี่คือคำพูดของอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษในสมัยผมเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังจากที่ผมตอบคำถามอาจารย์ไม่ถูกต้อง ซึ่งคำตอบของผมคงเป็นคำตอบที่งี่เง่า ไม่เข้าท่าอย่างมากมาย จึงทำให้อาจารย์ผู้สอนถึงกับเอ่ยออกมาเช่นนั้น

ประโยคจากอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษในครั้งนั้น มันยังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แม้ครั้งแรกผมอาจจะอาย โกรธ หน้าชา และรู้สึกเสียหน้าพร้อมทั้งคิดว่าตัวเองโง่ และไม่มีความสามารถทางภาษาเอาเสียเลย แต่... หลังจากความรู้สึกเหล่านั้นก่อตัวขึ้นมาก็จะจางหายไปในชั่วพริบตา เพราะประโยคนี้กลับกลายเป็นประโยคที่มีบุญคุณกับผมเหลือเกิน เพราะนี่คือ “ประโยคทอง” ในชีวิตของผมเลยทีเดียว ด้วยว่ามันสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กผู้ชายที่ไม่เรียนไม่เก่งคนหนึ่ง ให้มีแรงฮึด แรงบันดาลใจ หรืออะไรก็ตามที่สามารถทำให้ผมลุกขึ้นมาต่อสู้กับความเขลาของตัวเอง เพื่อลบคำสบประมาทจากอาจารย์ และใฝ่ฝันที่จะเป็น “ ครูสอนภาษาอังกฤษที่ดี “ ครูที่มีความรู้ เข้าใจศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน มีจิตวิทยา และทักษะในการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นเรื่องง่าย ๆ และเรียนรู้ได้สำหรับทุกคน

จุดเริ่มต้นในการตามความฝันของผม .. ไม่ง่ายเลย .. เพราะผมไม่ใช่เด็กเรียนดี ผมไม่เคยสอบได้ที่ 1 สอบเข้าเรียนโรงเรียนชายประจำจังหวัดก็ไม่ติด ฉะนั้น ผมจึงต้องทำอะไรเป็นสองเท่าเสมอ เพราะแม้ผมอาจจะไม่มีพรสวรรค์ แต่ผมก็ไม่ย่อท้อที่จะแสวงหาหนทางเพื่อให้ผมไปถึงฝัน ... ด้วยความตั้งใจจริงและมุ่งมั่น ทำให้ผมสอบเข้าโรงเรียนชายประจำจังหวัดระดับมัธยมปลายได้ และจากเด็กชายผู้ไม่เคยสอบได้ที่ 1 ไม่เคยมีใครมองเห็นความสามารถ ผมกลายเป็น “ New Pik “ เป็นคนใหม่ที่ไม่มีใครคาดถึง... ผมสอบได้ทุนแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม AFS ไปประเทศฮอนดูรัส แล้วกลับมาด้วยความมั่นใจ มีความรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และด้วยความที่ผมเกิดมาในครอบครัวที่เห็นความสำคัญของการเรียนและสนับสนุนผมในทุก ๆ อย่างที่สามารถทำได้ เมื่อน้าสาวชวนให้ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมจะไม่รีรอที่จะก้าวไปยังสถานีความฝันต่อไป

ผมกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยอีกครั้งหลังจากจบมัธยมปลายโดยได้รับรางวัล Outstanding Student Award ได้ศึกษาต่อสาขาภาษาอังกฤษและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (เกียรตินิยมอันดับ 1) โดยระหว่างเรียนผมไม่ได้เพิ่มทักษะทางวิชาการให้ตัวเองเท่านั้น แต่ผมเห็นความสำคัญของการเพิ่มทักษะชีวิตด้วย ผมจึงรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษตามบ้านและตามสถาบันต่าง ๆ ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ ขอเข้าเป็นนักศึกษาช่วยงาน TA สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี เป็นผู้ช่วยแม่ครัว เป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ในห้องสมุดมหาวิทยาลัย และทำอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย เท่าที่เวลาผมจะอำนวย โดยไม่ให้เสียการเรียน เพราะนอกจากประสบการณ์ชีวิตที่ผมจะได้รับ การที่ผมบริหารเวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดนี้ยังหมายถึงรายได้ที่สามารถแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกด้วย

“การวางแผนชีวิต “ เป็นอีกคุณสมบัติของผมที่ปฏิบัติเรื่อยมา เพราะผมคิดเสมอว่า “คนเราต้องมีเป้าหมายให้ชีวิต เพื่อที่วันใดเราเดินหลงทาง หรือเดินทางผิด เมื่อเรารู้ตัวเราจะได้เห็นทางเดินที่เราตั้งใจไว้ และกลับมาตามหาจุดหมายที่ฝันไว้อีกครั้ง แต่เป้าหมายของผมไม่เคยมีเพียงหนึ่งเดียว ผมมักมีเป้าหมายสำรองไว้เสมอ เพราะคติประจำใจที่ผมท่องไว้ตลอดเวลาคือ Thing do not always turn out the way you plan…. ดังนั้นในระหว่างที่เรียนปริญาตรีที่ม.อุบล ผมจึงเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู และปริญญาตรี สาขาทฤษฎีและเทคนิคทางรัศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชควบคู่ไปด้วย

ความฝันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อผมเข้าเรียนในระดับปริญญาโท สาขาการสอนภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยรับทุนพัฒนาอาจารย์ระดับปริญญาโท เอก ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ด้วยความประทับใจในสถาบัน วัฒนธรรมการทำงาน ความทุ่มเทต่องานสอนของอาจารย์ตลอดจนเนื้อหารายวิชาที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างพึ่งตนเองของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำให้ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันที่ทรงเกียรตินี้ ผมตัดสินใจสละสิทธิ์ทุนพัฒนาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรับการบรรจุเป็นอาจารย์ประจำสอนวิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มจธ.

การเดินทางรอบสุดท้ายของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อผมได้รับทุนโครงการพัฒนาอาจารย์ จากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ผมตัดสินใจไปเรียนที่ University of Warwick ประเทศสหราชอาณาจักร การเรียนในระดับปริญญาเอก แตกต่างจากระดับปริญญาตรี และปริญญาโทมาก เนื่องจากหลักสูตรไม่บังคับให้เรียนรายวิชา course work ใดๆเลย แต่จะให้ผู้เรียนเริ่มงานวิจัยอย่างเต็มที่ ผมโชคดีมากที่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาที่เก่งและดี แม้ว่าจะได้พบอาจารย์ที่ปรึกษาเพียงเทอมละ 2-3 ครั้ง แต่ว่าท่านคอยให้กำลังใจเรื่องการเรียนเสมอ ท่านให้คำแนะนำเรื่องการนำเสนอผลงานในการประชุมนานาชาติ ตลอดจนการตีพิมพ์งานวิจัย

ในที่สุด วันนี้.. ผมได้กลับมาสอนนักศึกษาตามที่ผมฝันไว้ เป็น “ ดร.อธิปัตย์ บุญเหมาะ “ ที่ทำให้พ่อแม่ได้ภาคภูมิใจ ปัจจุบันรับผิดชอบสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานให้กับนักศึกษาปริญญาตรีคณะต่างๆ สอนวิชาการวิจัยให้กับนักศึกษาปริญญาโท เอกการสอนภาษาอังกฤษ และได้เป็นผู้ประสานงานหลักสูตรปริญญาโทหลักสูตร MA. IN ENGLISH for Professional and International Communication ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่คณะกำลังจะเปิดในปี 2553 นี้ นักศึกษาที่สนใจ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://arts.kmutt.ac.th/sola/

หลายคน อาจคิดว่า ความฝันที่จะเป็นครูภาษาอังกฤษที่ดีของผมมันแปลกดี เพราะฝันแบบนี้คนส่วนใหญ่เค้าไม่ฝันกัน (ที่ได้ยินบ่อย ๆ คงหนีไม่พ้นฝันอยากเป็น นายแพทย์ วิศวกร ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ .. ) แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจไปได้ เพราะผมคิดเสมอว่า “ ถึงแม้ผมจะเลือกเดินไม่เหมือนใคร แต่ก็จะขอเลือกไปให้สุดเส้นทาง “... ผมจึงมีวันนี้...

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

New Year's Resolutions

First of all, I would like to take this opportunity to say

"Happy New Year 2010 to my lovely students"

Be happy

Be Healthy

Be charm

Be loved

Be wise

& Be nice na krab

......................................

There are a number of things that I want to accomplish this year.... These are

1) I will spend more time with my family and those who care for me

2) I will stay healthy and fit. I will eat healthy food and take care of my health.

3) I will go to "ภูกระดึง". This is one of my dreams. It will be great to climb up this place with someone I admire.

4) I will something something new. When opportunity comes, I will not hesitate to learn/challenge/ or grab it. I will take risks.

5) I will contribute what I learned to the society. I am a "Royal Thai Government Scholarship" student. I will work for the people. I promise.